Wine Basic : 5 แหล่งผลิตไวน์ยอดนิยม

Wine Basic : 5 แหล่งผลิตไวน์ยอดนิยม


1. ประเทศฝรั่งเศส (France)

      หากพูดถึงแหล่งผลิตไวน์ (Wine) ประเทศฝรั่งเศส (France) ก็จะเป็นประเทศแรก ๆ ที่คอไวน์มักจะนึกถึง เนื่องจากกรรมวิธีการผลิต และสไตล์ของไวน์ฝรั่งเศส ได้กลายเป็นต้นแบบในการผลิตไวน์ให้กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก นอกจากจะเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก มีปริมาณการผลิตไวน์เฉลี่ยอยู่ที่ 5,000-6,000 ล้านลิตร หรือราว 7-8 พันล้านขวด ต่อปีเลยทีเดียว และที่สำคัญพันธุ์องุ่นคลาสสิกที่เป็นที่นิยมไปทั่วโลก


    1.1 แคว้นบอร์โด (Bordeaux) เป็นแหล่งปลูกไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส ผลิตเฉลี่ยถึงปีละ 700 ล้านขวด เป็นไวน์แดง (Red Wine) มากถึง 98 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมักจะนำองุ่นหลากหลายชนิด เช่น คาร์เบอร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon), แมร์โล (Merlot) และคาร์เบอร์เน ฟร็อง (Cabernet Franc) มาเบลนด์ (Blend) เข้าด้วยกัน จะได้ไวน์ซึ่งเรียกว่า “บอร์โดเบลนด์ (Bordeaux Blend Wine)” ส่วนไวน์ที่มีชื่อเสียงรองลงมา ได้แก่ ไวน์ขาวหวาน (Dessert White Wine) จากเขตโซแตร์ (Sauternes) เป็นต้น


   1.2 แคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) คือ เขตที่มีมาตรฐานการผลิตไวน์ค่อนข้างสูง มีไร่ไวน์ที่ถูกจัดอันดับให้อยู่ในระดับกรองครู (Grand Cru) อยู่ค่อนข้างเยอะ ไวน์ที่มีชื่อเสียงจากแคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) คือ ไวน์แดงแบบดราย (Dry Red Wine) จากองุ่นพันธุ์ปิโน นัวร์ (Pinot Noir) และไวน์ขาว (White Wine) จากองุ่นพันธุ์ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) จากเขตชาบลีส์ (Chablis) เป็นต้น


   1.3 แคว้นชองปาญ หรือ แชมเปญ (Champagne) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศฝรั่งเศส (France) โด่งดังมาจากการผลิตไวน์ประเภทสปาร์คกลิ้ง (Sparkling Wine) ที่กลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลกในเวลาต่อมา แต่เราจะเรียกสปาร์คกลิ้งไวน์ว่าแชมเปญ (Champagne) ได้ ก็ต่อเมื่อสปาร์คกลิ้งไวน์นั้น ถูกผลิตขึ้นที่เขตแชมเปญ หรือชองปาญ เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันแชมเปญกลายเป็นไวน์แห่งการเฉลิมฉลองและชัยชนะที่นิยมไปทั่วโลก


2. ประเทศอิตาลี (Italy)

      เป็นแหล่งผลิตไวน์โลกเก่า หรือ  “โอล เวิล์ด ไวน์ (Old World Wine)” อีกแห่งหนึ่งของโลก ผลิตไวน์ราว 4,500-5,000 ล้านลิตรต่อปี และส่งออกไวน์เป็น 1 ใน 3 ของไวน์ที่ผลิตจากทั่วโลก แต่ใช่ว่าจะเน้นส่งออกเพียงอย่างเดียวนะ เพราะจริง ๆ แล้วชาวอิตาลีดื่มไวน์เป็นชีวิตจิตใจ หนึ่งคนจะดื่มไวน์เฉลี่ยถึงปีละ 42 ลิตรเลยทีเดียว ในอิตาลีนั้น มีไร่ไวน์แทบทุกภูมิภาคของประเทศ กินเนื้อที่กว่า 1 ล้านไร่


     2.1 แคว้นเวเนโต้ (Veneto) มีกำลังการผลิตไวน์ คิดเป็น เป็น 1 ใน 3 ของประเทศ แคว้นเวเนโต้ ถือว่าเป็นแคว้นที่ได้เปรียบ เพราะติดทั้งเทือกเขาแอลป์ (Alps) ที่มีอากาศหนาว และทะเลเอเดรียติก (Adriatic) ที่อบอุ่น จึงสามารถปลูกองุ่นที่มีความหลากหลายได้ ไวน์ที่โดดเด่นได้แก่ ไวน์โซอาเว่ (Soave) ไวน์ขาวอิตาลีแบบดราย และไวน์อมาโรเน่ (Amarone) ราชาไวน์แดงแห่งอิตาลี นั่นเอง


     2.2 แคว้นทัสคานี (Tuscany) ตั้งอยู่ในภาคกลางของประเทศอิตาลี ติดกับแนวชายฝั่งทะเลติร์เรเนียน (Tyrrhenian Sea) เป็นแหล่งที่ตั้งของเขตผลิตไวน์ชื่อดังมากมาย เช่น เคียนติ (Chianti), บรูเนลโล ดิ มอนตัลชิโน่ (Brunello di Montalcino) และวิโน โนบิเล ดิ มอนเตพูลชาโน่ (Vino Nobile di Montepulciano) องุ่นหลักยอดฮิตของแคว้นทัสคานี (Tuscany) ได้แก่ องุ่นพันธุ์ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ส่วนไวน์ขึ้นชื่อนั้น คือไวน์หวาน วิน ซานโต้ (Vin Santo)


3. ประเทศสหรัฐอเมริกา (United States of America)

      สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา (United States of America)ถูกจัดอันดับให้เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ใหญ่รองจากประเทศผู้ผลิตติดท็อปโลก อย่าง ฝรั่งเศส (France), อิตาลี (Italy) และสเปน (Spain) แต่แหล่งผลิตไวน์กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ กลับกระจุกตัวอยู่แค่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย (California) เท่านั้น


      3.1 นาป้า วัลเลย์ (Napa Valley) ไวน์จากนาป้า วัลเลย์ (Napa Valley) ค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องของคุณภาพ และความพรีเมี่ยม เนื่องมาจาก สภาพอากาศ, ภูมิประเทศ และธรณีวิทยา ของบริเวณนั้น คล้ายคลึงกับแถบชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean) จึงเพอร์เฟคมากแก่การเพาะปลูกองุ่นแทบทุกสายพันธุ์


     3.2 โซโนม่า เคาน์ตี้ (Sonoma County) เป็นหนึ่งในเขตปลูกองุ่นที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอเมริกา สภาพภูมิอากาศแบบเชิงเขา และผืนดินที่มีการทับถมของแร่ธาตุสูง จึงเหมาะกับการปลูกองุ่น เช่น กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon), ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay), ปีโน นัวร์ (Pinot Noir), โซวีญง บล็อง (Sauvignon Blanc) และซินฟานเดล (Zinfandel) เป็นต้น


4. ประเทศออสเตรเลีย (Australia)

      สำหรับประเทศออสเตรเลีย (Australia) ไวน์ (Wine) ไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่ม แต่เป็นอุตสาหกรรมใหญ่ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ, การจ้างงาน และการท่องเที่ยว ให้เจริญเติบโตขึ้นได้ ประเทศนี้มีการผลิตไวน์ เฉลี่ยถึงปีละ 750 ล้านลิตร แต่ภายในประเทศ กลับมีเพียง 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ดื่มไวน์ องุ่นสายพันธุ์หลักของออสเตรเลีย ได้แก่ ชีราส  (Shiraz) และ ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay)


      4.1 บารอสซ่า วัลเลย์ (Barossa Valley) สำหรับเป็นแฟนตัวยงขององุ่นพันธุ์ชีราส (Shiraz) ควรลิ้มลองไวน์แดงชีราส (Shiraz Red Wine) จากบารอสซ่า วัลเลย์ (Barossa Valley) ที่มาด้วยรสสัมผัสหนักแน่นแบบฟูลบอดี้ (Full-Bodied), หอมละมุนกลิ่นช็อกโกแลต และความเผ็ดเล็ก ๆ ที่ปลายลิ้นอย่างมีเสน่ห์ ซึ่งช่วยส่งให้บารอสซ่า วัลเลย์ (Baroosa Valley) กลายเป็นแนวหน้าในอุตสาหกรรมไวน์ออสเตรเลีย และยังทำให้ไวน์แดงชีราส จากออสเตรเลีย โด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย


       4.2 มาร์กาเร็ต ริเวอร์ (Margaret River) หากกำลังหาไวน์เกรดพรีเมี่ยมจากประเทศออสเตรเลีย (Australia) ให้ลองมองหาไวน์จากมาร์กาเร็ต ริเวอร์ (Margaret River) เพราะไวน์พรีเมี่ยมกว่า 20 เปอร์เซ็นต์จากออสเตรเลีย ล้วนผลิตขึ้นจากพื้นที่นี้ทั้งนั้น ไวน์ขึ้นชื่อ ได้แก่ ไวน์สแดงไตล์บอร์โด (Bordeaux) จากองุ่นพันธุ์กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon)


5. ประเทศชิลี (Chile)

       ประเทศชิลี (Chile) คือ ผู้ส่งออกไวน์เป็นอันดับที่ 5 ของโลก เสน่ห์ของไวน์ชิลี ส่วนหนึ่งนั้น มาจากสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นส่วนผสมอันลงตัวระหว่างอากาศแบบประเทศฝรั่งเศส (France) และชายฝั่งทะเลแปซิฟิก (Pacific Coast) เข้าด้วยกัน ไวน์ที่ควรลิ้มลองเมื่อไปชิลีก็คือ ไวน์แดง (Red Wine) จากองุ่นพันธุ์กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon), แมร์โล (Merlot) และโดยเฉพาะ ไวน์จากองุ่นพันธุ์การ์เมเนีย (Carmenere) ที่เป็นความภาคภูมิใจของวงการไวน์ชิลี (Chile) เพราะองุ่นพันธุ์นี้ รู้จักในนาม “องุ่นที่เคยสูญพันธุ์” ไปจากแคว้นบอร์โด (Bordeaux) ประเทศฝรั่งเศส นั่นเอง


      5.1 ไมโป วัลเลย์ (Maipo Valley) เป็นแหล่งผลิตไวน์ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของเมืองหลวง ประเทศชิลี (Chile) ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์คาร์เบอร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon) ถือว่าโด่งดังในระดับเวิล์ดคลาสอย่างมาก หุบเขาไมโปแบ่งออกเป็น 3  ส่วน ได้แก่ เซ็นทรัล ไมโป (Central Maipo), แปซิฟิก ไมโป (Pacific Maipo) และอัลโต ไมโป (Alto Maipo) ที่มีอากาศสดชื่น และแห้ง ซึ่งช่วยดึงความเฟรช และสดใสของไวน์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม


    5.2 คอลชาฮัว วัลเลย์ (Colchagua Valley) มีภูมิอากาศที่คล้ายคลึงกับทะเลแถบเมดิเตอร์เร เนียน (Metiterranean) และเย็นกว่าไมโป วัลเลย์ (Maipo Valley) เล็กน้อย พันธุ์องุ่นยอดนิยมได้แก่ คาร์เบอร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon), แมร์โล (Merlot), ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) และโซวีญง บล็อง (Sauvignon Blanc) นอกจากนั้น คอลชาฮัว วัลเลย์ (Colchagua Valley) ยังได้ชื่อว่าเป็น นาปา วัลเลย์ (Napa Valley) แห่งประเทศชิลี (Chile) อีกด้วย




ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม