พันธุ์องุ่นเบื้องต้น
พันธุ์องุ่นเบื้องต้น
พันธุ์องุ่นไวน์แดงยอดนิยม (Popular
Red Wine Grape Varieties)
1. กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet
Sauvignon)
องุ่นพันธุ์
กาแบร์เน โซวีญง (Cabernet Sauvignon) เป็นพันธุ์องุ่นท้องถิ่น
มีต้นกำเนิดจากแคว้นบอร์โด (Bordeaux) ประเทศฝรั่งเศส
(France) ปัจจุบันนี้ มันได้กลายเป็นพันธุ์องุ่น
ที่นิยมปลูกไปทั่วโลก และมักจะใช้ในการผลิตไวน์แดง (Red Wine) ประเภทฟูลบอร์ดี้ (Full-Bodied), ค่อนข้างฝาด (Tannin), จบด้วยรสเผ็ดนิดๆ
คล้ายพริกไทย และมักจะให้รสชาติของผลเบอร์รี่สีเข้ม
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food Paring) : เนื่องด้วยไวน์แดง แนะนำ จากองุ่นพันธุ์นี้ มักจะมีรสสัมผัสซับซ้อนและเผ็ด จึงเหมาะที่จะจับคู่กับอาหารที่มีความมัน เช่น เบอร์เกอร์เนื้อ, พิซซ่าเห็ด, ริบอายสเต็ก (Ribeye Steak) หรือซี่โครงหมูตุ๋น เป็นต้น
2. ซีราส (Shiraz)
องุ่นพันธุ์นี้ ต้นกำเนิดจากประเทศฝรั่งเศส (France) เช่นเดียวกับองุ่นพันธุ์กาแบร์เน
โซวีญง (Cabernet Sauvignon) แต่หากเทียบกันแล้ว
ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ ซีราส (Shiraz) มักจะเป็นไวน์ประเภทฟูลบอ ดี้ (Full Bodied) ที่มีสีที่เข้มกว่า ฝาดน้อยกว่า (Tannin)
และจบท้ายอย่างนุ่มนวล
ส่วนใครที่ชื่นชอบรสผลไม้ น่าจะชื่นชอบไวน์แดงซีราส เพราะองุ่นพันธุ์นี้มักจะให้รสสัมผัสหนักแน่นของผลไม้
เช่น บลูเบอร์รี่หวานหอม และมะกอกดำรสเผ็ด นอกจากนั้น องุ่นพันธุ์นี้
ยังถูกค้นพบว่า มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากอีกด้วยนะคะ
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food
Pairing) : ท่านสามารถจับคู่ไวน์แดงซีราส (Shiraz)
กับอะไรก็ได้ที่ทำจากบลูชีส (Blue
Cheese) และอาหารจำพวกเบอร์เกอร์ , บาร์บีคิวซอสพริกไทย และอาหารที่มีเครื่องเทศ หรือสมุนไพร
เพราะอาหารเหล่านี้จะช่วยดึงรสชาติ ขององุ่นพันธุ์ซีราส (Shiraz) ออกมา
3. แมร์โล (Merlot)
ไวน์แดง จากองุ่นพันธุ์ แมร์โล (Merlot) มีความโดดเด่นที่ความนุ่มนวลด้วยสีแดงสว่าง และความฝาดบางเบา (Tannin) มีบอดี้ตั้งแต่มีเดี้ยม (Medium Bodeid) จนถึงฟูลบอดี้ (Full Bodied) แต่อย่างไรก็ตามรสชาติของไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์นี้ มักจะแตกต่างกันไปตามแต่สภาพภูมิอากาศที่ปลูก หากมาจากพื้นที่ที่มีอากาศเย็น ก็มักจะเป็นไวน์ที่มีความฝาดสูง แต่หากมาจากพื้นที่ที่อากาศค่อนข้างอบอุ่น ก็มักจะให้ความฝาดที่น้อย และเด่นที่รสผลไม้
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food Paring) : อาหารที่ไม่เหมาะจะมาจับคู่กับไวน์แดงแมร์โล (Merlot) ได้แก่ อาหารจำพวกปลา, ผักสด รวมถึงอาหารรสเผ็ดจัด เพราะจะกลบรสชาติของไวน์ไปเสียหมด เราจึงแนะนำไวน์แดงแมร์โลกับอาหารที่ปรุงมาจากสัตว์เนื้อขาว เช่น ไก่ หรือเนื้อแดงปรุงรสเผ็ดนิด ๆ เป็นต้น
4. ปิโน นัวร์ (Pinot Noir)
องุ่นพันธุ์ ปิโน นัวร์ (Pinot
Noir) มักจะมีราคาที่สูงกว่าไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์อื่น
เนื่องด้วยปิโน นัวร์ (Pinot Noir) เป็นองุ่นที่ค่อนข้างอ่อนแอ
ติดเชื้อง่าย และง่ายต่อการกลายพันธุ์ จึงต้องการความเอา ใจใส่อย่างสูง
สีของไวน์แดง จากองุ่นพันธุ์นี้ มักจะมีสีแดงสว่าง, มีบอดี้ค่อนข้างเบา (Light Bodied), สัมผัสค่อนข้างดราย (Dry) และมีรสผลไม้ที่สดชื่น
จึงให้สัมผัสสุดท้ายที่ยาวนาน และนุ่มนวล
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food
Paring) : ด้วยความที่ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ ปิโน
นัวร์ (Pinot Noir) มักจะเป็นประเภทไลท์บอดี้ (Light
Bodied) แต่มีความซับซ้อนสูง (Complex) จึงทำให้ไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์นี้
เข้าได้ดีกับเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อแดง, เนื้อเป็ด
และรวมไปถึงเนื้อปลาอีกด้วย
พันธุ์องุ่นไวน์ขาวยอดนิยม
(Popular White Wine Grape Varieties)
1. โซวีญง บล็อง (Sauvignon Blanc)
โซวีญง บล็อง (Sauvignon
Blanc) แปลได้ว่า "ป่าสีขาว" หรือ “White
Wild” มีต้นกำเนิดอยู่ในประ เทศฝรั่งเศส (France)
แคว้นบอร์โด (Bordeaux) องุ่นพันธุ์นี้ มักจะมีสีอมเขียว รสชาติเข้มข้น
คล้ายกับแอปเปิ้ลเขียว, มะนาว, กีวี , และพีช
ซึ่งแตกต่างกันไปตามความสุกขององุ่นในการนำมาทำไวน์
ส่วนสิ่งที่ทำให้องุ่นพันธุ์นี้ โดดเด่นก็คือกลิ่น (Aroma) ของสมุนไพร อาธิ พริกหยวก, ใบโหระพา,
ผักชีฝรั่ง และตะไคร้ เป็นต้น
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food Pairing) : อาหารแนะนำ ที่ควรนำมาจับคู่กับองุ่นพันธุ์นี้ ได้แก่ ชีสแพะ (Goat Cheese), ครีมชีส (Cream Cheese) และอาหารที่เน้นเครื่องเทศ เช่น อาหารแม็กซิกัน และอา หารเวียดนาม ซึ่งเข้ากันได้ดีกับกลิ่นสมุนไพรที่อยู่ในไวน์
2. ชาร์ดอเน (Chardonnay)
องุ่นพันธุ์ ชาร์ดอเน (Chardonnay)
ได้รับฉายาว่า
"ราชินีแห่งองุ่นเขียว" นิยมนำมาทำไวน์ขาว (White Wine) และเป็นส่วนผสมหลัก ที่มักจะขาดไม่ได้ในการทำแชมเปญ (Champagne)
หรือสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) ความโดดเด่นของชาร์ดอเน (Chardonnay) อยู่ที่กลิ่น (Aroma) หอมมันของวานิลลา,
เนย และมะพร้าว ไวน์ขาวจากชาร์ดอเน (Chardonnay)
บางยี่ห้อ จะให้สัมผัสถึง ความมันของครีม
และความนุ่มลื่นของแว็ก (Wax) ซึ่งแตกต่างไปตามกรรมวิธีการหมัก
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food
Pairing) : ไวน์ขาวจากองุ่นพันธุ์ ชาร์ดอเน (Chardonnay)
เหมาะกับชีสเนื้อนุ่ม (Soft Cheese), เนื้อสัตว์ขาว เช่น ไก่ , หมู , อาหารทะเล, สมุนไพร,
เห็ด และครีมซอสที่มีความมัน เป็นต้น
3. รีสลิง (Riesling)
ไวน์ขาวจากองุ่นพันธุ์ รีสลิง (Riesling)
มักจะโดดเด่นด้วยเรื่องของกลิ่นหอม (Aroma)
คล้ายกับผลไม้ แต่ให้รสชาติเปรี้ยว (Acid)
และดราย (Dry) คล้ายกับน้ำมะนาว แต่อย่างไรก็ตาม ท่านก็สามารถหาไวน์รีสลิง (Riesling)
แบบกึ่งดราย (Semi-Dry) หรือ ไวน์หวาน (Dessert Wine) ได้เช่นกัน ไวน์จากองุ่นพันธุ์นี้ มักจะมีกลิ่นแอปเปิ้ลเขียว,
พีช, มะนาว, หญ้าที่ถูกตัดสด ๆ, และน้ำมัน
แต่ถ้าเป็นรีสลิงหวาน ก็จะมีกลิ่นของน้ำผึ้ง, ดอกไม้และผลไม้สุกด้วย
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food
Paring) : ไวน์จากองุ่นพันธุ์รีสลิง (Riesling)
มักจะมีความหวานน้อย เด่นที่รสเปรี้ยว
แต่มีความสมดุลย์ (Balance) ดังนั้น จึงเหมาะที่จะดื่มคู่กับอาหารเอเชีย ที่มีรสเผ็ดจัดจ้าน เช่น
อาหารอินเดีย, อาหารไทย โดยคู่สุดคลาสสิกที่เหมาะกับรีสลิง
ได้แก่ ขาเป็ด
พันธุ์องุ่นสปาร์คกลิ้งไวน์ยอดนิยม (Popular
Sparkling Wine Grape Varieties)
1. เกลียรา (Glera)
เกลียรา (Glera) คือ องุ่นขาวพันธุ์ดั้งเดิมจากประเทศอิตาลี (Italy) มักนำมาทำสปาร์คกลิ้งไวน์ (Italian Sparkling Wine) เช่น โปรเซสโก้ (Prosecco) โดยส่วนใหญ่จะปลูกอยู่ในแคว้นเวเนโต้
(Veneto) ของประเทศอิตาลี
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food
Pairing) : สปาร์คกลิ้งไวน์จากองุ่นพันธุ์ เกลียรา
(Glera) เหมาะที่จะนำมาจับคู่กับอาหารจำพวกเห็ด
หรือ อาหารรสมัน เช่น ครีมซอส,
เมล็ดถั่วอัลมอนด์ , มันฝรั่งทอด หรือ ป็อบคอร์นรสเนย ยังรวมไปถึงอาหารทะเลต่างๆ
และอาหารเอเชีย ที่มีรสเผ็ดอีกด้วย
2. มอสคาโต้ (Moscato)
มอสคาโต้ (Moscato) เป็นองุ่นพันธุ์เก่าแก่ สามารถปลูกได้ทุกที่ทั่วโลก
โด่งดังมาจากกลิ่น (Aroma) หวานหอม
ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่เหมือนกับองุ่นพันธุ์ไหน ซึ่งนักเคมีได้
ค้นพบสารประกอบทางเคมีเรียกว่า "ไลนาลูล” (Linalool) ที่พบได้ใน มิ้น, ดอกส้ม และอบเชย
กลายเป็นคำอธิบายถึงความหอมสุดพิเศษขององุ่นพันธุ์นี้ แต่สรุปได้ง่ายๆ ก็คือ
หากคุณต้องการสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling Wine) กลิ่นหอมสดชื่น, ค่อนข้างหวาน และมีปริมาณแอลกอฮอล์ค่อนข้างน้อย
(5-7%) สปาร์คกลิ้งไวน์จากองุ่นพันธุ์มอสคาโต้
(Moscato) นับเป็นตัวเลือกที่ดี
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food
Pairing) : เนื่องจากสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling
Wine) จากมอสคาโต้ (Moscato) มักจะมีปริมาณแอลกอฮอล์ต่ำ และความหวานสูง จึงเหมาะกับอาหารเอเชีย
ที่มีรสเผ็ด เช่น อาหารจีน, ไทย และเวียดนาม
ที่มักจะมีกลิ่นของขิง, อบเชย, พริกไทย หรือจะจับคู่กับเนื้อขาว เช่น ไก่ หรือปลา ก็ได้เช่นกัน
3. ปิโน บล็อง (Pinot Blanc)
ปิโน บล็อง (Pinot Blanc) เป็นพันธุ์องุ่นขาว ที่เกิดการพัฒนาสายพันธุ์มาจากองุ่นพันธุ์ ปิโน
นัวร์ (Pinot Noir) องุ่นพันธุ์นี้ ในอดีต
มักจะถูกนำมาทำไวน์ขาว (White Wine) ในแคว้นเบอร์กันดี
(Burgundy) และนำมาเป็นส่วนผสมในการทำแชมเปญ (Champagne)
ซึ่งปัจจุบัน ปิโน บล็อง (Pinot Blanc) ได้กลายเป็นส่วนผสมหลักในการทำสปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling) ในหลากหลายพื้นที่ ความโดดเด่นของปิโน บล็อง (Pinot Blanc) อยู่ที่กลิ่นหอมของผลไม้ ซึ่งมักจะเป็นกลิ่นของแอปเปิ้ล, มะนาว รวมไปถึงดอกไม้
การจับคู่ไวน์กับอาหาร (Food
Pairing) : สปาร์คกลิ้งไวน์ (Sparkling
Wine) จากองุ่นพันธุ์นี้
สามารถเข้ากันได้ดีกับอาหารที่เรียบง่าย เช่น ปลาเนื้อขาว, เนื้อไก่ , ไข่
และชีสเนื้อนุ่ม (Soft Cheese) จำพวกริคอตต้า (Ricotta)
หรือชีสแพะ (Goat Cheese) เป็นต้น













ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น